รีวิว Honda City โฉมใหม่แห่งปี 2020 พร้อมราคาแบบเจาะลึก

หนึ่งในรถยนต์ยอดฮิตติดอันดับอีก 1 รุ่น ที่ครองใจคนไทยมาอย่างยาวนาน ซึ่งปี 2020 นี้ ขอคัมแบ็คกลับมายิ่งใหญ่ในคอนเซปต์ Reimagine Your New Possibilities กับชื่อรุ่นว่า The City Turbo ที่ถือเป็นเจเนอเรชั่นที่ 5 ของรถรุ่นนี้แล้ว โดยทางแบรนด์ได้ให้คำนิยามไว้ว่า นี่คือการเปลี่ยนมาตรฐานของซิตี้คาร์ให้ก้าวล้ำไปอีกขั้น รูปลักษณ์ภายนอก โดยครั้งนี้ถือเป็นการเปลี่ยนโฉมใหม่ยกคัน เริ่มต้นกันที่ภายนอก ที่มาในสไตล์สปอร์ต แต่ยังคงไม่ทิ้งความสง่างามด้วยไฟหน้าโปรเจคเตอร์พร้อม LED Daylight และไฟท้ายแบบ LED, กระจังหน้าแบบโครเมียม และล้ออัลลอยดีไซน์ใหม่ขนาด 15 นิ้ว

พื้นที่ภายใน

ในส่วนของห้องโดยสาร มีการปรับให้ดูกว้างขวางและนั่งสบายยิ่งขึ้นในทุกๆ ที่นั่ง เติมเต็มความหรูหราด้วยการเลือกใช้สีดำเป็นหลัก ส่วนเบาะหนังและการตกแต่งด้านในจะเน้นเป็นสีทูโทน คือ ไอเวอรี่/ดำ (เฉพาะรุ่น SV) ตามด้วยคอนโซลหน้าแบบ Piano Black และมือจับเปิดประตูด้านในที่ตกแต่งโครเมียม

เครื่องยนต์

ถัดมาในเรื่องของเครื่องยนต์ที่ใช้ขุมพลังเป็นเครื่องยนต์เบนซิน 1.0 ลิตร VTEC TURBO พร้อมด้วยฟังก์ชั่น Turbocharger ที่จะช่วยอัดอากาศเข้าสู่ห้องเผาไหม้ของเครื่องยนต์ได้เร็วขึ้น จึงเพิ่มประสิทธิภาพการเผาไหม้ได้อย่างรวดเร็ว ให้กำลังได้ถึง 122 แรงม้า ตอบสนองอัตราเร่งด้วยแรงบิด 173 นิวตัน-เมตร อัตราการประหยัดน้ำมัน 23.8 กิโลเมตร/ลิตร

ระบบเกียร์

สำหรับระบบเกียร์จะเป็นอัตโนมัติแบบ CVT พร้อมระบบควบคุมการเปลี่ยนเกียร์ที่พวงมาลัยแบบ 7 สปีด เพิ่มความสะดวกสบายด้วยระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ แถมยังเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เพราะจะมีการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ที่ 99 กรัม/กิโลเมตร ตามมาตรฐานไอเสียยูโร 5 (EURO 5) และรองรับน้ำมันแบบ E20

ระบบความปลอดภัย

ส่วนอีกหนึ่งเรื่องสำคัญที่ขาดไม่ได้ในการซื้อรถยนต์ นั่นคือความปลอดภัย ที่ใส่มาให้แบบเต็มที่กับเทคโนโลยีความปลอดภัยสุดล้ำ ด้วยโครงสร้างตัวถังนิรภัย G-Force Control หรือ G-CON ในส่วนของระบบถุงลมจะมีถึง 6 ตำแหน่ง ได้แก่ ถุงลมคู่หน้า Dual SRS, ถุงลมด้านข้างคู่หน้าแบบอัจฉริยะ i-Side Airbags และม่านถุงลมด้านข้าง Side Curtain Airbags นอกจากนี้ยังมีระบบช่วยการออกตัวขณะอยู่บนทางลาดชัน, สัญญาณไฟฉุกเฉินอัตโนมัติขณะเบรกกะทันหัน, จุดยึดเบาะนั่งสำหรับเด็ก และกล้องส่องภาพด้านหลัง ปรับมุมมองได้ 3 ระดับ

ฟังก์ชันอำนวยความสะดวก

ต่อด้วยเรื่องของเทคโนโลยีกับฟังก์ชันการใช้งานระดับพรีเมียม ได้แก่ เรือนไมล์พร้อมหน้าจอแสดงการขับขี่, ชุดเครื่องเสียงพร้อมจอสัมผัสขนาด 8 นิ้ว แบบ Advanced Touch รองรับการเชื่อมต่อ Apple CarPlay และระบบสั่งการด้วยเสียง SIRI ในส่วนของพวงมาลัยจะเป็นแบบมัลติฟังก์ชั่น ที่สามารถควบคุมระบบเครื่องเสียง, ปุ่มรับ-วางสายโทรศัพท์ และระบบปรับอากาศอัตโนมัติ

การเชื่อมต่อ

นอกจากนี้ตัวรถยนต์ยังรองรับการเชื่อมต่อกับแอปพลิเคชั่น Honda Connect ที่จะช่วยให้คุณและรถยนต์สามารถสื่อสารกันได้เพียงปลายนิ้วกับหลากฟังก์ชันอำนวยความสะดวก อาทิ ตรวจสอบประวัติการรับบริการ, บันทึกการเดินทาง, แจ้งเตือนความเร็ว, แสดงพิกัดรถยนต์บนแอปฯ และอื่นๆ อีกมากมาย

โดยมีให้เลือกทั้งหมด 6 สี ได้แก่ สีแดงอิกไนต์ (เมทัลลิก) เฉพาะรุ่น RS, สีขาวแพลททินัม (มุก) เฉพาะรุ่น RS และรุ่น SV, สีดำคริสตัล (มุก), สีเงินลูนาร์ (เมทัลลิก), สีเทาโมเดิร์นสตีล (เมทัลลิก) และสีขาวทาฟเฟต้า เฉพาะรุ่น V และ รุ่น S

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *